หน้าหลัก ฐานข้อมูลวัด E-Book AI ธรรมะ พระไตรปิฏก ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 33 หน้าที่ 722 | Buddhaparisa.org

หน้าหลัก / พระไตรปิฏก / พระอภิธรรมปิฏก

พระไตรปิฏก ฉบับมจร. เล่มที่ 33 หน้าที่ 722

ผู้เป็นมุนี ผู้มีพระจักษุ มีพระรัศมีสว่างไสว

ก็เสด็จอุบัติขึ้นในกัปเดียวกัน

[๖] สมัยต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ

ได้มีพระมหามุนีพระนามว่าอโนมทัสสี

แม้อันตรกัปของพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ

กับพระพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี จะคำนวณนับมิได้

[๗] พระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือ พระนามว่าอโนมทัสสี ๑

พระนามว่าปทุมะ ๑ พระนามว่านารทะ ๑ ผู้ทรงเป็นผู้นำ

ผู้เป็นมุนี ทำที่สุดความมืดได้แม้เหล่านั้น

ก็เสด็จอุบัติขึ้นในกัปเดียวกัน

[๘] สมัยต่อจากพระนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า

ได้มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงเป็นผู้นำ

เสด็จอุบัติขึ้นในกัปหนึ่ง ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นได้เป็นจำนวนมาก

[๙] แม้อันตรกัปของพระผู้มีพระภาคพระนามว่านารทะ

กับพระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ จะคำนวณนับมิได้

[๑๐] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)

มีพระมหามุนีพระองค์เดียว

คือพระปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา

[๑๑] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)

ต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ

ได้มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้นำ ๒ พระองค์

คือพระสุเมธะและพระสุชาตะ

[๑๒] ในกัปที่ ๑,๘๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)

ได้มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้นำ ๓ พระองค์

คือพระปิยทัสสี ๑ พระอัตถทัสสี ๑

พระธัมมทัสสี ๑ ล้วนเป็นผู้นำ


สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
บาลีไวยากรณ์
พระวินัยปิฏก
E-Book บาลี
พระสุตตันตปิฏก
ข้อสอบบาลี
พระอภิธรรมปิฏก
ข้อสอบบาลี