{๗๙๘} [๑๒๔๒] ถีนะ เป็นไฉน
ความหดหู่ ความไม่ควรแก่การงาน ความท้อแท้ ความถ้อถอยแห่งใจ ความ ย่อหย่อน กิริยาที่ย่อหย่อน ภาวะที่ย่อหย่อน ความถดถอย กิริยาที่ถดถอย ภาวะ ที่ถดถอยแห่งใจ นี้เรียกว่าถีนะ
๑ {๗๙๙} [๑๒๔๓] อุทธัจจะ เป็นไฉน
ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ความไม่สงบแห่งจิต ความวุ่นวายใจ ความที่จิตพล่านไป นี้เรียกว่าอุทธัจจะ
๒ {๘๐๐} [๑๒๔๔] อหิริกะ เป็นไฉน
กิริยาที่ไม่ละอายต่อการประพฤติทุจริตอันเป็นสิ่งที่ควรละอาย กิริยาที่ไม่ ละอายต่อการประกอบธรรมที่เป็นอกุศลซึ่งเป็นบาป นี้เรียกว่าอหิริกะ
๓ {๘๐๑} [๑๒๔๕] อโนตตัปปะ เป็นไฉน
กิริยาที่ไม่เกรงกลัวต่อการประพฤติทุจริตอันเป็นสิ่งที่ควรเกรงกลัว กิริยาที่ ไม่เกรงกลัวต่อการประกอบธรรมที่เป็นอกุศลซึ่งเป็นบาป นี้เรียกว่าอโนตตัปปะ๓ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกิเลส
{๘๐๒} [๑๒๔๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกิเลส เป็นไฉน
เว้นสภาวธรรมที่เป็นกิเลสเหล่านั้นแล้ว สภาวธรรมที่เป็นกุศล อกุศล และ อัพยากฤตที่เหลือ ซึ่งเป็นกามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร และที่ไม่นับเนื่องใน วัฏฏทุกข์ ได้แก่ เวทนาขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์ รูปทั้งหมดและธาตุที่ปัจจัยไม่ ปรุงแต่ง สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่เป็นกิเลส
๒. สังกิเลสิกทุกะ
{๘๐๓} [๑๒๔๗] สภาวธรรมที่เป็นอารมณ์ของกิเลส เป็นไฉน
สภาวธรรมที่เป็นกุศล อกุศล และอัพยากฤต ซึ่งเป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็น กามาวจร รูปาวจร และอรูปาวจร ได้แก่ รูปขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าเป็นอารมณ์ของกิเลส