หน้าหลัก ฐานข้อมูลวัด E-Book AI ธรรมะ พระไตรปิฏก ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 34 หน้าที่ 337 | Buddhaparisa.org

หน้าหลัก / พระไตรปิฏก / พระอภิธรรมปิฏก

พระไตรปิฏก ฉบับมจร. เล่มที่ 34 หน้าที่ 337

๒๕. ขันติทุกะ


{๘๖๐} [๑๓๔๘] ขันติ เป็นไฉน

ความอดทน กิริยาที่อดทน ความอดกลั้น ความไม่ดุร้าย ความไม่เกรี้ยวกราด ความแช่มชื่นแห่งจิต นี้เรียกว่าขันติ

[๑๓๔๙] โสรัจจะ เป็นไฉน

ความไม่ล่วงละเมิดทางกาย ความไม่ล่วงละเมิดทางวาจา ความไม่ล่วงละเมิด ทางกายและทางวาจา นี้เรียกว่าโสรัจจะ แม้ความสำรวมในศีลทั้งหมดก็ชื่อว่า โสรัจจะ

๒๖. สาขัลยทุกะ


{๘๖๑} [๑๓๕๐] ความมีวาจาอ่อนหวาน เป็นไฉน

วาจาใดเป็นปม เป็นกาก เผ็ดร้อนต่อผู้อื่น เกี่ยวผู้อื่นไว้ ยั่วให้โกรธ ไม่เป็นไป เพื่อสมาธิ ละวาจาเช่นนั้นเสีย วาจาใด ไร้โทษ สบายหู ไพเราะจับใจ เป็นวาจาของ ชาวเมือง เป็นที่เจริญใจของชนหมู่มาก กล่าววาจาเช่นนั้น ความเป็นผู้มีวาจา อ่อนหวาน ความเป็นผู้มีวาจาสละสลวย ความเป็นผู้มีวาจาไม่หยาบคาย ใน ลักษณะดังกล่าวมานั้น นี้เรียกว่าความมีวาจาอ่อนหวาน

[๑๓๕๑] การปฏิสันถาร เป็นไฉน

ปฏิสันถาร ๒ คือ อามิสปฏิสันถาร และธรรมปฏิสันถาร บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีปฏิสันถารด้วยอามิส หรือมีปฏิสันถารด้วย ธรรม นี้เรียกว่าปฏิสันถาร

๒๗. อินทริเยสุอคุตตทวารตาทุกะ


{๘๖๒} [๑๓๕๒] ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นไฉน

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้วรวบถือ แยกถือ ไม่ปฏิบัติ เพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ซึ่งเมื่อไม่สำรวมแล้วก็จะเป็นเหตุให้บาปอกุศลธรรมคือ

๑ คำว่า รวบถือ (นิมิตฺตคฺคาหี) คือมองภาพรวมโดยไม่พิจารณาลงไปในรายละเอียด เช่นมองว่า รูปนั้นสวย รูปนี้ไม่สวย
๒ คำว่า แยกถือ (อนุพฺยญฺชนคฺคาหี) คือมองแยกพิจารณาเป็นส่วน ๆ ไป เช่น ตาสวย แต่จมูกไม่สวย

สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
บาลีไวยากรณ์
พระวินัยปิฏก
E-Book บาลี
พระสุตตันตปิฏก
ข้อสอบบาลี
พระอภิธรรมปิฏก
ข้อสอบบาลี