๒๕. ขันติทุกะ
{๘๖๐} [๑๓๔๘] ขันติ เป็นไฉน
ความอดทน กิริยาที่อดทน ความอดกลั้น ความไม่ดุร้าย ความไม่เกรี้ยวกราด ความแช่มชื่นแห่งจิต นี้เรียกว่าขันติ
[๑๓๔๙] โสรัจจะ เป็นไฉน
ความไม่ล่วงละเมิดทางกาย ความไม่ล่วงละเมิดทางวาจา ความไม่ล่วงละเมิด ทางกายและทางวาจา นี้เรียกว่าโสรัจจะ แม้ความสำรวมในศีลทั้งหมดก็ชื่อว่า โสรัจจะ
๒๖. สาขัลยทุกะ
{๘๖๑} [๑๓๕๐] ความมีวาจาอ่อนหวาน เป็นไฉน
วาจาใดเป็นปม เป็นกาก เผ็ดร้อนต่อผู้อื่น เกี่ยวผู้อื่นไว้ ยั่วให้โกรธ ไม่เป็นไป เพื่อสมาธิ ละวาจาเช่นนั้นเสีย วาจาใด ไร้โทษ สบายหู ไพเราะจับใจ เป็นวาจาของ ชาวเมือง เป็นที่เจริญใจของชนหมู่มาก กล่าววาจาเช่นนั้น ความเป็นผู้มีวาจา อ่อนหวาน ความเป็นผู้มีวาจาสละสลวย ความเป็นผู้มีวาจาไม่หยาบคาย ใน ลักษณะดังกล่าวมานั้น นี้เรียกว่าความมีวาจาอ่อนหวาน
[๑๓๕๑] การปฏิสันถาร เป็นไฉน
ปฏิสันถาร ๒ คือ อามิสปฏิสันถาร และธรรมปฏิสันถาร บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีปฏิสันถารด้วยอามิส หรือมีปฏิสันถารด้วย ธรรม นี้เรียกว่าปฏิสันถาร
๒๗. อินทริเยสุอคุตตทวารตาทุกะ
{๘๖๒} [๑๓๕๒] ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นไฉน
ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้วรวบถือ
๑ แยกถือ
๒ ไม่ปฏิบัติ เพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ซึ่งเมื่อไม่สำรวมแล้วก็จะเป็นเหตุให้บาปอกุศลธรรมคือ