[๑๔๑๘] สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะ เป็นไฉน
กุศลและอัพยากฤตที่เป็นรูปาวจรและอรูปาวจร สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็น มหัคคตะ
[๑๔๑๙] สภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะ เป็นไฉน
มรรค ๔ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สามัญญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าเป็นอัปปมาณะ
๑๓. ปริตตารัมมณติกะ
{๘๙๐} [๑๔๒๐] สภาวธรรมที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ เป็นไฉน
กามาวจรวิบากทั้งหมด มโนธาตุที่เป็นกิริยา มโนวิญญาณธาตุที่เป็นอเหตุกกิริยาซึ่งสหรคตด้วยโสมนัส สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีปริตตะเป็นอารมณ์
[๑๔๒๑] สภาวธรรมที่มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ เป็นไฉน
วิญญาณัญจายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า มีมหัคคตะเป็นอารมณ์
[๑๔๒๒] สภาวธรรมที่มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ เป็นไฉน
มรรค ๔ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สามัญญผล ๔ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ จิตตุปบาทที่เป็นญาณวิปปยุตฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ จิตตุปบาทที่เป็นญาณวิปปยุตฝ่ายกิริยา ๔ อกุศลทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้มีปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี มี มหัคคตะเป็นอารมณ์แต่ไม่มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ กล่าวไม่ได้ว่า มีปริตตะ เป็นอารมณ์หรือมีมหัคคตะป็นอารมณ์ก็มี จิตตุปบาทที่เป็นญาณสัมปยุตฝ่าย กามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายกิริยา ๔ รูปาวจรจตุตถฌานฝ่ายกุศลและกิริยา มโนวิญญาณธาตุที่เป็นอเหตุกกิริยาซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขา สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามี ปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ก็มี มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี กล่าวไม่ได้ว่า มีปริตตะเป็นอารมณ์ มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ หรือมีอัปปมาณะเป็น อารมณ์ก็มี ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา