สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตทำสภาวธรรมที่เป็นกุศลและที่เป็นอัพยากฤตให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นกุศลและ มหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นกุศลและที่เป็นอัพยากฤตทำสภาวธรรมที่เป็นกุศลและที่เป็น อัพยากฤตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็น กุศลและหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ ทำขันธ์ ๓ และหทัยวัตถุให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป ทำขันธ์ที่เป็นกุศลและมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)
{๒๕๐} [๒๔๗] สภาวธรรมที่เป็นอกุศลทำสภาวธรรมที่เป็นอกุศลและที่เป็นอัพยากฤต ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นอกุศลและ หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ ทำขันธ์ ๓ และหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตทำสภาวธรรมที่เป็นอกุศลและที่เป็นอัพยากฤต ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นอกุศลและ มหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลและที่เป็นอัพยากฤตทำสภาวธรรมที่เป็นอกุศลและที่ เป็นอัพยากฤตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่ เป็นอกุศลและหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ ทำขันธ์ ๓ และหทัยวัตถุให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นอกุศลและมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)
อารัมมณปัจจัย
{๒๕๑} [๒๔๘] สภาวธรรมที่เป็นกุศลทำสภาวธรรมที่เป็นกุศลให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นกุศลให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ ทำขันธ์ ๓ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๒ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)