ตอบ : ฐานะ ๗ เหล่านี้ คือ โอสารณา นิสสารณา สมมติ การให้ นิคคหะ สมนุภาสน์ ทั้งกรรมลักษณะเป็นคำรบ ๗
ญัตติจตุตถกรรมย่อมถึงฐานะ ๗ เหล่านี้
กรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ เป็นต้น
{๑๓๕๘} [๔๙๗] ในกรรมที่สงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๔ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะที่เหลือเป็นผู้ควรฉันทะ ภิกษุรูปที่สงฆ์ทำกรรมนั้น ไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรมและ ไม่ใช่เป็นผู้ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรแก่กรรม
ในกรรมที่สงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ฯลฯ ในกรรมที่สงฆ์ทสวรรคพึงทำ ฯลฯ
ในกรรมที่สงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๒๐ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะที่เหลือเป็นผู้ควรฉันทะ ภิกษุรูปที่สงฆ์ทำกรรมนั้น ไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ใช่เป็นผู้ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรแก่กรรม
กรรมวรรคที่ ๑ จบ
๒. อัตถวสวรรค
หมวดว่าด้วยอำนาจประโยชน์ทรงบัญญัติสิกขาบท
{๑๓๕๙} [๔๙๘] พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย โดยอาศัยอำนาจ ประโยชน์ ๒ ประการ คือ
๑. เพื่อการยอมรับว่าดีแห่งพระสงฆ์
๒. เพื่อความผาสุกแห่งพระสงฆ์
พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย โดยอาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้