{๓๐๗} [๔๓๓] โปฏฐปาทะ หากคนเหล่าอื่นจะถามเราอย่างนี้ว่า ‘ผู้มีอายุ อะไรคือ การได้อัตตภาพที่สำเร็จด้วยใจซึ่งท่านแสดงธรรมเพื่อให้ละเสียว่า พวกท่านปฏิบัติ ตามนั้นแล้วก็จะละสังกิเลสิกธรรมได้และโวทานิยธรรมจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น จะทำให้แจ้ง ความบริบูรณ์ความไพบูลย์แห่งปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน’ เมื่อถูกถามอย่างนี้ เราจะตอบว่า ‘ผู้มีอายุ นี้แลจัดเป็นการได้อัตตภาพที่สำเร็จด้วยใจ ซึ่งเราแสดงธรรมเพื่อให้ละเสียว่า ฯลฯ เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน’
[๔๓๔] โปฏฐปาทะ หากคนเหล่าอื่นจะถามเราอย่างนี้ว่า ‘ผู้มีอายุ อะไรคือ การได้อัตตภาพที่ไม่มีรูปซึ่งท่านแสดงธรรมเพื่อให้ละเสียว่า พวกท่านปฏิบัติตามนั้น แล้วก็จะละสังกิเลสิกธรรมได้และโวทานิยธรรมจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น จะทำให้แจ้งความ บริบูรณ์ความไพบูลย์แห่งปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน’ เมื่อถูก ถามอย่างนี้ เราจะตอบว่า ‘ผู้มีอายุ นี้แลจัดเป็นการได้อัตตภาพที่ไม่มีรูป ซึ่งเรา แสดงธรรมเพื่อให้ละเสียว่า ฯลฯ เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน’
โปฏฐปาทะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ คำพูดนั้นถือว่าไม่ เลื่อนลอยมิใช่หรือ”
เขากราบทูลว่า “พระพุทธเจ้าข้า เมื่อเป็นเช่นนี้ คำพูดนั้นถือว่าไม่เลื่อน ลอยแน่นอน”
เปรียบด้วยคนสร้างบันได
{๓๐๘} [๔๓๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “โปฏฐปาทะ เปรียบเหมือนบุรุษทำบันได เพื่อขึ้นปราสาท ที่ใต้ปราสาทนั้นเอง คนจะถามเขาว่า ‘พ่อคุณ เธอจะทำบันไดขึ้น ปราสาท เธอรู้จักปราสาทนั้นหรือว่า ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก หรือทิศเหนือ มีขนาดสูง ต่ำ หรือปานกลาง’ ถ้าเขาตอบว่า ‘นี้แลคือปราสาทที่เรา กำลังทำบันไดเพื่อจะขึ้นไปที่ใต้ปราสาทนั้นเอง’
โปฏฐปาทะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ คำพูดของบุรุษนั้น ถือว่าไม่เลื่อนลอยมิใช่หรือ”