หน้าหลัก พระไตรปิฏก AI ธรรมะ E-Book ฐานข้อมูลวัด ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 10 หน้าที่ 33 | Buddhaparisa.org
หน้าหลัก / พระสุตตันตปิฏก
พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 10
<< | หน้าที่ 33 | >>
จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรมี วิญญาณจึงมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่อนามรูปมี วิญญาณจึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี‘

[๕๘] จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘วิญญาณนี้ย่อมหมุนกลับมาจากนามรูป เท่านั้น ไม่เลยไปกว่านั้น เพราะความหมุนกลับเพียงแค่นี้ สัตว์โลกจึงเกิดบ้าง แก่บ้าง ตายบ้าง จุติบ้าง อุบัติบ้าง ความเป็นไปนั้น คือ

เพราะนามรูปเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี

เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี

เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี

เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี

เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี

เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี

เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี

เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ(ความโศก) ปริเทวะ (ความคร่ำครวญ) ทุกข์(ความทุกข์กาย) โทมนัส(ความทุกข์ใจ) และอุปายาส (ความคับแค้นใจ) จึงมี

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้มีได้ ด้วยประการฉะนี้’

[๕๙] ภิกษุทั้งหลาย จักษุเกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว ปัญญาเกิดขึ้นแล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแก่พระโพธิสัตว์ ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคย สดับมาก่อนว่า ‘สมุทัย สมุทัย (ความเกิด ความเกิด)’

๑ ข้อความตอนนี้ ใน สํ.นิ. ๑๖/๔/๗ มีเนื้อความบาลีว่า สงฺขาเรสุ โข สติ วิญฺญาณํ โหติ สงฺขาราปจฺจยา วิญฺญาณํ ส่วนในที่นี้มีเนื้อความบาลีว่า นามรูเป โข สติ วิญฺญาณํ โหติ นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํ
อรรถกถาอธิบายข้อความตอนนี้ไว้ว่า ความจริงน่าจะใช้คำว่า เมื่อสังขารมี วิญญาณจึงมี เมื่อ อวิชชามี สังขารจึงมี แต่การรู้แจ้งนี้ ไม่ต้องอาศัยความสืบต่อแห่งอวิชชาและสังขารซึ่งเป็นอดีตภพ เพราะ มหาบุรุษ (พระโพธิสัตว์) อยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน (ที.ม.อ. ๕๗/๕๖, ที.ม.ฏีกา ๕๗/๖๐)
๒ วิ.ม. (แปล) ๔/๑๕/๒๒, สํ. สฬา. (แปล) ๑๘/๒๗๓/๓๐๖

สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
พระไตรปิฏก
พระวินัยปิฏก
พระวินัย
พระสุตตันตปิฏก
พระสูตร
พระอภิธรรมปิฏก
พระอภิธรรม