พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 10
<< | หน้าที่ 200 | >>
สตรีเหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใยในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีคหบดี ๘๔,๐๐๐ คน มีคหบดีแก้วเป็นหัวหน้า โปรดทรงละความพอพระทัยคหบดีเหล่านี้ โปรดอย่าทรง เยื่อใยในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีกษัตริย์ผู้สวามิภักดิ์ ๘๔,๐๐๐ องค์ มีปริณายก แก้วเป็นหัวหน้า โปรดทรงละความพอพระทัยกษัตริย์เหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใย ในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีโคนม ๘๔,๐๐๐ ตัว ที่พร้อมจะให้น้ำนมจนสามารถ เอาภาชนะรองรับได้ โปรดทรงละความพอพระทัยโคนมเหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใย ในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีผ้าโขมพัสตร์เนื้อดี ผ้าฝ้ายเนื้อดี ผ้าไหมเนื้อดี และผ้ากัมพลเนื้อดีรวม ๘๔,๐๐๐ โกฏิ โปรดทรงละความพอพระทัยผ้าเหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใยในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีสำรับพระกระยาหารที่มีคนนำมา ถวายทั้งเช้าและเย็น ๘๔,๐๐๐ สำรับ โปรดทรงละความพอพระทัยสำรับพระกระยาหาร เหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใยในการดำรงพระชนม์เถิด’
[๒๖๘] อานนท์ เมื่อพระเจ้ามหาสุทัสสนะตรัสอย่างนี้ พระนางสุภัททา เทวีทรงพระกันแสงหลั่งพระอัสสุชล ทรงเช็ดพระอัสสุชลแล้ว ได้กราบทูลพระเจ้า มหาสุทัสสนะดังนี้ว่า ‘ขอเดชะ ความพลัดพราก ความทอดทิ้ง ความแปรเปลี่ยน เป็นอย่างอื่นจากของรักของชอบใจทุกอย่างจะต้องมี พระองค์อย่าสวรรคตทั้งที่ทรงมี อาลัยอยู่เลย เพราะการสวรรคตของผู้ยังมีความอาลัยเป็นทุกข์ การสวรรคตของผู้ ยังมีความอาลัยบัณฑิตติเตียน พระองค์ทรงมีเมืองขึ้น ๘๔,๐๐๐ เมือง มีกรุง กุสาวดีราชธานีเป็นเมืองหลวง โปรดทรงละความพอพระทัยเมืองเหล่านี้ โปรดอย่า ทรงเยื่อใยในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีปราสาท ๘๔,๐๐๐ องค์ มีธรรมปราสาท เป็นที่ประทับ โปรดทรงละความพอพระทัยปราสาทเหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใย ในการดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีเรือนยอด ๘๔,๐๐๐ หลัง มีเรือนยอดมหาวิยูหะเป็น ที่ประทับ โปรดทรงละความพอพระทัยเรือนยอดเหล่านี้ โปรดอย่าทรงเยื่อใยในการ ดำรงพระชนม์เถิด ทรงมีบัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ บัลลังก์ เป็นบัลลังก์ทอง บัลลังก์เงิน บัลลังก์งา บัลลังก์แก้วบุษราคัม ลาดด้วยพรมขนสัตว์ชายยาว ลาดด้วยสักหลาด