พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 11
<< | หน้าที่ 41 | >>
๓. บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะ เขามัวเมา๑ หลงใหล ถึงความ ประมาทด้วยตบะนั้น ข้อที่บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะจนเป็น เหตุให้เขามัวเมา หลงใหล ถึงความประมาทด้วยตบะนั้น นี้แล เป็นอุปกิเลสของบุคคลผู้บำเพ็ญตบะ
[๕๙] ๔. บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะ เขาทำลาภ๒สักการะและความ สรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขามีใจยินดี มีความดำริอัน บริบูรณ์ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น ข้อที่บุคคลผู้ บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะจนเป็นเหตุทำลาภสักการะและความ สรรเสริญให้เกิดขึ้น เขามีใจยินดี มีความดำริอันบริบูรณ์ด้วยลาภ สักการะและความสรรเสริญนั้น นี้แลเป็นอุปกิเลสของบุคคลผู้ บำเพ็ญตบะ
๕. บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะ เขาทำลาภสักการะและความ สรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขายกตนข่มผู้อื่น ด้วยลาภ สักการะและความสรรเสริญนั้น ข้อที่บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ ยึดมั่น ตบะจนเป็นเหตุทำลาภสักการะและความสรรเสริญให้เกิดขึ้น เขา ยกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น นี้แลเป็น อุปกิเลสของบุคคลผู้บำเพ็ญตบะ
๖. บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะ เขาทำลาภสักการะและความ สรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขามัวเมา หลงใหล ถึงความ ประมาทด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น ข้อที่บุคคลผู้ บำเพ็ญตบะ ยึดมั่นตบะจนเป็นเหตุทำลาภสักการะและความ สรรเสริญให้เกิดขึ้น เขามัวเมา หลงใหล ถึงความประมาทด้วย ลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น นี้แลเป็นอุปกิเลสของบุคคล ผู้บำเพ็ญตบะ