ว่าด้วยอานิสงส์ของสุขัลลิกานุโยค
จุนทะ เป็นไปได้ที่พวกอัญเดียรถีย์ปริพาชก พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ‘พวก สมณะ ศากยบุตร ยึดถือสุขัลลิกานุโยค ๔ ประการนี้อยู่’ เธอทั้งหลายพึงกล่าวกับ อัญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นว่า ‘ท่านทั้งหลายพึงกล่าวอย่างนี้’ อัญเดียรถีย์ปริพาชก เหล่านั้น เมื่อกล่าวถึงเธอทั้งหลายก็กล่าวได้ถูกต้อง มิใช่กล่าวตู่เธอทั้งหลาย ด้วยคำที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง
ว่าด้วยอานิสงส์ของสุขัลลิกานุโยค
{๑๑๖} [๑๘๕] จุนทะ เป็นไปได้ที่พวกอัญเดียรถีย์ปริพาชก พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ‘ก็ท่านทั้งหลายยึดถือสุขัลลิกานุโยค ๔ ประการนี้อยู่ พึงหวังผลได้เท่าไหร่ พึงหวัง อานิสงส์ได้เท่าไหร่’ เธอทั้งหลายควรกล่าวอย่างนี้กับอัญเดียรถีย์ปริพาชกผู้มีวาทะ อย่างนั้นว่า ‘พวกเรายึดถือสุขัลลิกานุโยค ๔ ประการนี้อยู่ พึงหวังได้ผล ๔ ประการ พึงหวังได้อานิสงส์ ๔ ประการ
ผล ๔ ประการ อานิสงส์ ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ ประการ สิ้นไป ไม่มีทางตกต่ำ มีความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า นี้เป็นผลประการที่ ๑ อานิสงส์ประการที่ ๑
๒. ภิกษุเป็นพระสกทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ ประการสิ้นไป และเพราะ ราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง มาสู่โลกนี้อีกเพียงครั้งเดียว ก็จะทำที่สุด แห่งทุกข์ได้ นี้เป็นผลประการที่ ๒ อานิสงส์ประการที่ ๒
๓. ภิกษุเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ประการสิ้นไป ปรินิพพาน ในโลกนั้น ไม่หวนกลับมาจากโลกนั้นอีก นี้เป็นผลประการที่ ๓ อานิสงส์ ประการที่ ๓
๔. ภิกษุทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะ สิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน นี้เป็นผลประการที่ ๔ อานิสงส์ประการที่ ๔
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พวกเรายึดถือสุขัลลิกานุโยค ๔ ประการนี้อยู่ พึงหวัง ได้ผล ๔ ประการ พึงหวังได้อานิสงส์ ๔ ประการนี้แล’