๓. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาวาจาอันเป็นอเสขะ
๔. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมากัมมันตะอันเป็นอเสขะ
๕. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาอาชีวะอันเป็นอเสขะ
๖. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาวายามะอันเป็นอเสขะ
๗. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาสติอันเป็นอเสขะ
๘. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาสมาธิอันเป็นอเสขะ
๙. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาญาณะอันเป็นอเสขะ
๑๐. เป็นผู้ประกอบด้วยสัมมาวิมุตติอันเป็นอเสขะ
๑ ภัททาลิ ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล เป็นผู้ควรแก่ของที่เขา นำมาถวาย ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ทักษิณา ควรแก่การทำอัญชลี เป็นนาบุญ อันยอดเยี่ยมของโลก”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสภาษิตนี้แล้ว ท่านพระภัททาลิมีใจยินดีชื่นชมพระภาษิต ของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล
ภัททาลิสูตรที่ ๕ จบ
๖. ลฏุกิโกปมสูตร
ว่าด้วยอุปมาด้วยนางนกมูลไถ
{๑๗๕} [๑๔๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิคมของชาวอังคุตตราปะชื่ออาปณะ แคว้นอังคุตตราปะ ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก ถือบาตร และจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังอาปณนิคม ทรงเที่ยวบิณฑบาตในอาปณนิคมแล้ว เสด็จกลับจากบิณฑบาตภายหลังเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว ทรงเข้าไปยังราวป่า แห่งหนึ่งเพื่อประทับพักผ่อนกลางวัน ได้ประทับนั่งพักกลางวันที่โคนไม้แห่งหนึ่ง