หน้าหลัก พระไตรปิฏก AI ธรรมะ E-Book ฐานข้อมูลวัด ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 14 หน้าที่ 97 | Buddhaparisa.org
หน้าหลัก / พระสุตตันตปิฏก
พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 14
<< | หน้าที่ 97 | >>
มูลเหตุแห่งอุปาทานขันธ์ ๕ ประการ


ภิกษุนั้นชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคว่า “สาธุ พระพุทธเจ้าข้า” แล้วได้ทูลถามปัญหายิ่งขึ้นไปว่า “อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ มีอะไรเป็นมูลเหตุ พระพุทธเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ภิกษุ อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ มีฉันทะ เป็นมูลเหตุ”

“อุปาทานกับอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนั้นเป็นอย่างเดียวกัน หรืออุปาทาน เป็นอย่างอื่นจากอุปาทานขันธ์ ๕ ประการ พระพุทธเจ้าข้า”

“ภิกษุ อุปาทานกับอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนั้นเป็นอย่างเดียวกันก็มิใช่ ทั้งอุปาทานขันธ์เป็นอย่างอื่นจากอุปาทานขันธ์ ๕ ประการก็มิใช่ แต่ฉันทราคะใน อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนั้น เป็นตัวอุปาทาน”

{๑๒๒} “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ฉันทราคะต่าง ๆ ในอุปาทานขันธ์ ๕ ประการ จะพึงมีได้หรือ”

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “มีได้ ภิกษุ” แล้วได้ตรัสต่อไปว่า “ภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้มีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ‘ในอนาคต ขอเราพึงมีรูปอย่างนี้ มีเวทนาอย่างนี้ มีสัญญาอย่างนี้ มีสังขารอย่างนี้ มีวิญญาณอย่างนี้’

ภิกษุ ฉันทราคะต่าง ๆ ในอุปาทานขันธ์ ๕ ประการ พึงมีได้ ด้วยอาการ อย่างนี้”

เหตุที่ชื่อว่าขันธ์


{๑๒๓} ภิกษุนั้นได้ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรขันธ์จึงชื่อ ว่าขันธ์”

๑ มีฉันทะเป็นมูลเหตุ ในที่นี้หมายถึงมีตัณหาเป็นมูลเหตุ (ม.อุ.อ. ๓/๘๖/๕๒)

สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
บาลีไวยากรณ์
พระวินัยปิฏก
พระวินัย
พระสุตตันตปิฏก
พระสูตร
พระอภิธรรมปิฏก
พระอภิธรรม