หน้าหลัก พระไตรปิฏก AI ธรรมะ E-Book ฐานข้อมูลวัด ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 13 หน้าที่ 500 | Buddhaparisa.org
หน้าหลัก / พระสุตตันตปิฏก
พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 13
<< | หน้าที่ 500 | >>
ดาวนักษัตรทั้งหลาย มีดวงจันทร์เด่นสกาว

มวลความร้อนมีดวงอาทิตย์เป็นเจ้า

หมู่ชนผู้มุ่งแสวงบุญอยู่มีพระสงฆ์เท่านั้น

เป็นทางเจริญแห่งบุญแท้จริงของผู้บูชา”

ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงทำอนุโมทนาแก่เกณิยชฎิลด้วยพระคาถาเหล่านี้แล้ว ก็เสด็จลุกจากพุทธอาสน์จากไป

ต่อมา ท่านพระเสละพร้อมด้วยภิกษุผู้เป็นบริวาร จากไปอยู่เพียงลำพัง ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจ ไม่นานนักก็ทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์ยอดเยี่ยมอันเป็น ที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ที่เหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบันแน่แท้ รู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบ พรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป

จึงเป็นอันว่า ท่านพระเสละพร้อมกับภิกษุผู้เป็นบริวารได้เป็นพระอรหันต์ จำนวนหนึ่งบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย

{๖๑๒} ครั้งนั้น ท่านพระเสละพร้อมด้วยภิกษุผู้เป็นบริวารได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ห่มจีวรเฉวียงบ่า ประคองอัญชลีไปทางที่พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ได้กราบทูลด้วยคาถาว่า

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ผู้มีพระจักษุ

ข้าพระองค์ทั้งหลายถึงพระองค์เป็นสรณะครบ ๘ วันนับจากวันนี้

จึงเป็นอันว่าข้าพระองค์ทั้งหลายฝึกฝนตนสำเร็จ

ในศาสนาของพระองค์ใช้เวลา ๗ วันเท่านั้น

พระองค์ทรงเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า เป็นพระศาสดา

เป็นพระมุนีผู้ครอบงำมารได้

๑ ดูเชิงอรรถที่ ๕ ข้อ ๑๖ (กันทรกสูตร) หน้า ๑๘ ในเล่มนี้

สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
บาลีไวยากรณ์
พระวินัยปิฏก
พระวินัย
พระสุตตันตปิฏก
พระสูตร
พระอภิธรรมปิฏก
พระอภิธรรม