พระไตรปิฏก ฉบับมจร. เล่มที่ 33 หน้าที่ 741
[๑๐๕] ครั้งนั้น พวกเจ้า ๑๖,๐๐๐ องค์อยู่ในกรุงมาตุละ
ทั้งหมดก็ประนมมือร้องไห้มาหา
[๑๐๖] เราเจรจาปราศรัยกับโอรสของพระเจ้าเจตราชเหล่านี้อยู่ ณ ที่นั้น
ให้พระโอรสของพระเจ้าเจตราชเหล่านั้นกลับที่ประตูนั้นแล้ว
ได้ไปยังภูเขาวงกต
[๑๐๗] ท้าวสักกะจอมเทพ ตรัสเรียกวิสสุกรรมเทพบุตรผู้มีฤทธิ์มาก
แล้วรับสั่งให้เนรมิตบรรณศาลาอย่างสวยงาม
น่ารื่นรมย์สำหรับเป็นอาศรมอย่างดี
[๑๐๘] วิสสุกรรมเทพบุตรผู้มีฤทธิ์มาก
รับพระบัญชาของท้าวสักกะแล้ว
เนรมิตบรรณศาลาอย่างสวยงาม
น่ารื่นรมย์สำหรับเป็นอาศรมอย่างดี
[๑๐๙] เราทั้ง ๔ คน มาถึงป่าใหญ่อันสงัดเงียบไม่พลุกพล่าน
อยู่ในบรรณศาลานั้น ณ ระหว่างภูเขา
[๑๑๐] ครั้งนั้น เรา พระนางมัทรีเทวี
และโอรสทั้ง ๒ คือ ชาลีและกัณหาชินา
บรรเทาความเศร้าโศกของกันและกันอยู่ในอาศรม
[๑๑๑] เรารักษาสองกุมารเป็นผู้ไม่ว่างอยู่ในอาศรม
พระนางมัทรีนำผลไม้มาเลี้ยงคนทั้ง ๓
[๑๑๒] เมื่อเราอยู่ในป่าใหญ่ พราหมณ์ (ชูชก)
ผู้มีความต้องการ เดินเข้ามาหาเรา
ได้ขอพระโอรสทั้ง ๒ ของเรา คือ ชาลีและกัณหาชินา
[๑๑๓] เพราะได้เห็นผู้ขอเข้ามาหา ความร่าเริงจึงเกิดขึ้นแก่เรา
ครั้งนั้น เราได้พาบุตรและธิดาทั้ง ๒ มาให้พราหมณ์