หน้าหลัก ฐานข้อมูลวัด E-Book AI ธรรมะ พระไตรปิฏก ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 33 หน้าที่ 742 | Buddhaparisa.org

หน้าหลัก / พระไตรปิฏก / พระอภิธรรมปิฏก

พระไตรปิฏก ฉบับมจร. เล่มที่ 33 หน้าที่ 742

[๑๑๔] เมื่อเราสละบุตรและธิดาทั้ง ๒ ของตน

ให้พราหมณ์ชูชกไป ในกาลใด

แม้ในกาลนั้น แผ่นดิน ภูเขาสิเนรุราช และราวป่าก็ไหวแล้ว

[๑๑๕] ท้าวสักกะทรงแปลงร่างเป็นพราหมณ์เสด็จลงจากเทวโลก

มาขอพระนางมัทรีเทวีผู้มีศีลจริยาวัตรงดงามกับเราอีก

[๑๑๖] เรามีความดำริแห่งใจผ่องใส

จับพระหัตถ์พระนางมัทรีแล้วมอบให้ด้วยการหลั่งน้ำ(ทักขิโณทก)

ได้ให้พระนางมัทรีแก่พราหมณ์นั้น

[๑๑๗] เมื่อเราให้พระนางมัทรี

หมู่เทวดาในท้องฟ้าพากันเบิกบาน(พลอยยินดี)

แม้ในกาลนั้น แผ่นดิน ภูเขาสิเนรุราช และราวป่าก็ไหวแล้ว

[๑๑๘] เราสละพ่อชาลีและแม่กัณหาชินาผู้เป็นบุตรธิดา

และพระนางมัทรีเทวี ผู้มีจริยาวัตรงดงาม

ไม่คิดถึงเลยเพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณนั่นเอง

[๑๑๙] บุตรทั้ง ๒ จะเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับเราก็หาไม่

พระเทวีมัทรีเป็นที่น่ารังเกียจก็หาไม่

แต่พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรา

เพราะฉะนั้น เราจึงให้บุตรธิดาและภรรยาผู้เป็นที่รัก

[๑๒๐] อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อพระมารดาและพระบิดาเสด็จมาพร้อมกัน

ณ ป่าใหญ่ ทรงกันแสงสะอึกสะอื้นน่าเวทนา

ตรัสถามถึงสุขทุกข์กันอยู่

[๑๒๑] เราได้เข้าเฝ้าพระมารดาและพระบิดาทั้ง ๒

ด้วยหิริและโอตตัปปะด้วยความเคารพ

แม้ในกาลนั้น แผ่นดิน ภูเขาสิเนรุราช และราวป่าก็หวั่นไหว


สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
บาลีไวยากรณ์
พระวินัยปิฏก
E-Book บาลี
พระสุตตันตปิฏก
ข้อสอบบาลี
พระอภิธรรมปิฏก
ข้อสอบบาลี