๒. ปัจจยปัจจนียะ
{๔๕} [๔๒] สภาวธรรมที่เป็นกุศลอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกุศลพึงเกิดขึ้นเพราะ นเหตุปัจจัย
๑ ได้บ้างไหม
(พึงอธิบายนเหตุปัจจัยแม้ในปัจจนียะให้พิสดารเหมือนเหตุปัจจัยในอนุโลม)
{๔๖} [๔๓] สภาวธรรมที่เป็นกุศลอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกุศลพึงเกิดขึ้นเพราะ นอารัมมณปัจจัยได้บ้างไหม เพราะนอธิปติปัจจัย เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะ นสมนันตรปัจจัย เพราะนสหชาตปัจจัย เพราะนอัญญมัญญปัจจัย เพราะ นนิสสยปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย เพราะนปุเรชาตปัจจัย เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย เพราะนอาเสวนปัจจัย เพราะนกัมมปัจจัย เพราะนวิปากปัจจัย เพราะ นอาหารปัจจัย เพราะนอินทรียปัจจัย เพราะนฌานปัจจัย เพราะนมัคคปัจจัย เพราะนสัมปยุตตปัจจัย เพราะนวิปปยุตตปัจจัย เพราะโนอัตถิปัจจัย เพราะ โนนัตถิปัจจัย เพราะโนวิคตปัจจัย เพราะโนอวิคตปัจจัยได้บ้างไหม
{๔๗} [๔๔] สภาวธรรมที่เป็นกุศลอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกุศลพึงเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย เพราะนอารัมมณปัจจัยได้บ้างไหม
(แม้ในปัจจนียะ ผู้รู้พึงอธิบายเอกมูลกนัย ทุมูลกนัย ติมูลกนัย จตุมูลกนัย จนถึงเตวีสติมูลกนัยของบทแต่ละบทให้พิสดารเหมือนในอนุโลม)
ปัจจนียะมีนัยอันลึกซึ้ง ๖ ประการ คือ
๑. ติกปัฏฐาน ๒. ทุกปัฏฐาน
๓. ทุกติกปัฏฐาน ๔. ติกทุกปัฏฐาน
๕. ติกติกปัฏฐาน ๖. ทุกทุกปัฏฐาน
แต่ละปัฏฐานประเสริฐสูงสุด