หน้าหลัก พระไตรปิฏก AI ธรรมะ E-Book ฐานข้อมูลวัด ติดต่อเรา
พุทธบริษัท
พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาราชวิทยาลัย เล่มที่ 13 หน้าที่ 580 | Buddhaparisa.org
หน้าหลัก / พระสุตตันตปิฏก
พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 13
<< | หน้าที่ 580 | >>
เราเรียกบุคคลผู้หมดสิ้นตัณหา

ที่นำไปเกิดในภพทั้ง ๓ มีจิตไม่มัวหมอง

ผ่องใสบริสุทธิ์ดุจดวงจันทร์วันเพ็ญ

ที่ปราศจากเมฆหมอกว่า เป็นพราหมณ์

เราเรียกบุคคลผู้ข้ามพ้นทางอ้อมคือราคะ

ทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อคือกิเลส สังสารวัฏฏ์ และโมหะได้แล้ว

เป็นผู้ข้ามโอฆะไปถึงฝั่ง มีจิตเพ่งพินิจอยู่เสมอ

ไม่หวั่นไหว หมดความสงสัยว่า เป็นพราหมณ์

เราเรียกบุคคลในโลกนี้ ผู้ละกามทั้งหลาย

บวชเป็นบรรพชิต สิ้นภวตัณหาแล้วว่า เป็นพราหมณ์

เราเรียกบุคคลในโลกนี้ ผู้ละตัณหาได้แล้ว

บวชเป็นบรรพชิต สิ้นกามและภพแล้วว่า เป็นพราหมณ์

เราเรียกบุคคลผู้ละโยคะที่เป็นของมนุษย์แล้ว

ล่วงพ้นโยคะที่เป็นของทิพย์เสียได้

มีจิตหลุดพ้นจากโยคะทั้งหมดว่า เป็นพราหมณ์

เราเรียกบุคคลผู้ละได้ทั้งความยินดี และความยินร้าย

เป็นผู้สงบเยือกเย็น ปราศจากอุปธิกิเลส

ครอบงำโลกคือขันธ์ทั้งหมดได้ มีความเพียรว่า เป็นพราหมณ์

เราเรียกบุคคลผู้รู้ชัดการจุติและการเกิด

ของสัตว์ทั้งหลายโดยอาการทั้งปวง

เป็นผู้ไม่ติดข้องดำเนินไปด้วยดี

รู้แจ้งอริยสัจว่า เป็นพราหมณ์

๑ ความยินดี หมายถึงความพอใจอย่างยิ่ง ความยินดี ความสงบเย็นในเสนาสนะที่สงัด หรือในสภาวธรรมที่ เป็นอกุศล เทียบกับนัยของความยินร้าย
๒ ความยินร้าย หมายถึงความไม่ยินดีอย่างยิ่ง ความกระสัน ความดิ้นรนในเสนาสนะที่สงัด หรือในสภาวธรรม ที่เป็นอธิกุศล (ดู. อภิ.วิ (แปล) ๓๕/๙๒๖/๕๘๐)

สารบัญ พระไตรปิฏก

พระไตรปิฏก
พระไตรปิฏก
พระวินัยปิฏก
พระวินัย
พระสุตตันตปิฏก
พระสูตร
พระอภิธรรมปิฏก
พระอภิธรรม